วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[One Shot] Blind - Kojiyuu




Blind


ฉันเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีความฝัน

ฉันเองก็เหมือนกัน ฝันว่าสักวันนึจะได้แต่งงาน

ได้อยู่กับคนรักเงียบๆ2คน มีชีวิตที่เรียบง่าย ในบ้านหลังเล็กๆริมทะเล

ตอนเช้าตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของกันและกัน

ตอนเย็นพากันจูงมือเดินเล่นบนชายหาดกับลูกหมาตัวเล็กๆที่เลี้ยงเอาไว้

เวลาทานข้าวก็นั่งริมระเบียงบ้าน คอยฟังเสียงคลื่นซัดกระทบฝั่ง

ตอนกลางคืนจะนั่งรับลม ห่มผ้าผืนเดียวกัน หยอกล้อพูดคุยกับคนรัก

จะมีบ้างไหมนะ โอกาสแบบนั้น ..............



กับคนที่มองไม่เห็นอย่างฉัน


++++++++++++++++++++



“เรา แต่งงานกันเถอะนะ”

คำๆนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะได้ยินคำนี้เอ่ยขึ้นกับตัวเอง แม้จะดีใจแค่ไหนที่ได้ยินก็ต้องปฏิเสธออกไป

“ฉันขอโทษ”

พูดออกไปได้แค่คำนี้ ไม่รู้ว่าอีกคนจะมีปฏิกิริยายังไง

“ฉันรักเธอนะ แล้วฉันก็เชื่อว่าตัวฉันเองจะสามารถดูแลเธอได้”

คำว่า “รัก” อีกแล้ว ได้ยินคำนี้จากเค้าบ่อยแค่ไหนแล้วนะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจหรืออะไร เพียงแต่เธอคิดว่า เธอไม่คู่ควรกับคำว่ารักของเค้า

“ฉันรู้ แต่ว่า........”

อยู่ๆก็รู้สึกพูดไม่ออก เป็นเพราะคิดว่าเหตุผลที่เราจะบอกมันดูงี่เง่าเกินไปหรือเปล่านะ?

“แต่ว่า?”

เค้าถามฉันย้ำขึ้นมา รู้ว่ามันเป็นเหตุผลที่คนอื่นคิดว่าไม่เข้าท่า แต่สำหรับฉันมันดูเหมือนจะเป็นเหตุผลสำคัญ

“ฉันตาบอด”

พูดออกไปแล้ว ใช่ ฉันเป็นคนตาบอด ไม่ใช่ว่าฉันตาบอกแต่กำเนิดหรอกนะ เพียงแต่ฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนก็เลยทำให้มองไม่เห็น

“ฉันไม่สนใจ”

เค้ายังคงพูดจาดื้อดึง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจเค้าหรืออะไรหรอกนะ แต่คนเราก็ต้องมีเหตุผลของตัวเองใช่หรือเปล่า?

“แต่ฉันสน ฉันไม่อยากจะแต่งงานทั้งที่ตัวเองตาบอด ฉันไม่อยากจะเป็นภาระใคร โดยเฉพาะกับคนที่ฉันรัก”

พูดออกไปแล้ว ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆนะ คุณหมอก็พูดเองว่าฉันจะกลับมามองเห็นแน่ๆ เพียงแค่ต้องรอรับบริจาคดวงตาจากผู้ใจบุญก็เท่านั้น

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ แต่ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า สำหรับเธอที่เป็นคนที่ฉันรักแล้ว เรื่องที่เธอมองไม่เห็นฉันไม่เคยมองว่ามันเป็นภาระแม้แต่ครั้งเดียว”

ฉันรู้ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอสักครั้ง ได้แต่วาดรูปเธออยู่ในใจว่าคนใจดีแบบเธอ จะเป็นคนหน้าตาแบบไหนนะ

“ครั้งแรกที่เราเจอกัน เธอก็มองไม่เห็นอยู่แล้วแต่ฉันก็ไม่ได้หนีไปไหน อยู่กับเธอเรื่อยมาจนมาถึงวันนึง วันที่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอไปจนชั่วชีวิต”

ฉันรู้ และฉันก็ขอบคุณเธอมากแต่ว่าขอเวลาฉันอีกสักนิดเถอะนะ

“ฉันขอโทษ แต่ฉัน.....แต่งงานไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้”

ได้แต่พูดออกไปว่าขอโทษ นั่งเงียบรอฟังคำตอบจากเค้าที่ตอนนี้ก็เงียบไปเหมือนกัน ก่อนจะรู้สึกถึงมืออันอบอุ่นเข้ามาเกาะกุมมือที่หนาวเย็นของตัวเอง มือนั้นค่อยๆบีบมือเธอเบาๆก่อนจะถูกยกขึ้นไปแตะกับริมฝีปากเค้า

“ฉันเข้าใจ....และ  ฉัน....จะรอ.....นานแค่ไหนก็จะ......รอ”

แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าเค้ากำลังยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน

แค่คำตอบสั้นๆของเค้า ที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ

เจ็บปวดที่ทำให้เค้าต้องผิดหวัง

เจ็บปวดที่รู้ตัวเองว่าไม่ควรค่ากับความรักที่เค้ามอบให้

เจ็บปวดที่ตัวเองไม่เคยตอบแทนความรักเค้าได้เลยแม้ครั้งเดียว

เจ็บปวดที่ไม่กล้าจะเอ่ยคำว่า “รัก” กับเค้า

เจ็บปวด..............



.......................................................................



6 เดือนต่อมา



“นี่หนูจะมองเห็นจริงๆแล้วใช่ไหมค่ะแม่”

“ใช่จ๊ะ เดี๋ยวรอคุณหมอแกะผ้าที่พันอยู่นี่ก่อน แต่แม่เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ”

“หนู...ดีใจจังเลยค่ะ อยากจะขอบคุณคนที่เค้าบริจาคดวงตาให้หนุ หนูเป็นหนี้บุญคุญเค้า หนูอยากจะเจอเค้าจริงๆค่ะแม่”

“แม่รู้จ๊ะ แต่ว่ากฏก็ต้องเป็นกฏนะ”

ก่อนจะพูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง รู้ว่าเป็นคุณหมอที่จะมาแกะผ้าที่ปิดตาให้แต่อยู่ๆก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ คนที่อยากให้อยู่ด้วยจู่ๆก็หายไป ถามใครก็ไม่มีคนตอบ มัวแต่อึกอักกันไปมา แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะเพราะถ้าฉันมองเห็น ฉันก็จะตามหาเธอจนเจอเอง....

รอก่อนนะ


..................................................................


โลกที่เคยดำมืด กลับส่องสว่างสดใสขึ้นมาอีกครั้ง มองออกไปนอกหน้าต่างในห้องพักของโรงพยาบาล เห็นนกตัวน้อยกำลังบินผ่านไปมาอย่างสนุกสนาน มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีคราม ที่ปลอดโปร่ง พระอาทิตย์ดวงโตกำลังทำงานของมันอย่างเต็มที่ทั้งในการให้แสงสว่างและแผ่ความร้อน เพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัวก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ส่งเสียงขานรับให้เค้าเข้ามาโดยที่ตัวเองยังไม่ละสายตาจากหน้าต่าง


ได้ยินเสียงโคร้งเคร้งเหมือนของกระทบกันก็เลยหันกลับไปดู เห็นผู้หญิงตัวเล็กถือไม้เท้าเอามือลูบคลำที่ต่างๆ ก่อนที่เค้าจะค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่เธอนอนอยู่ จะเอ่ยปากถามว่าเค้าเป็นใคร แต่กลับถูกเรียกชื่อเธอขึ้นมาซะก่อน

“ฮารุนะ”

เป็นเสียงอบอุ่นที่คุ้นหู ที่เคยได้ยินมาหลายปี เป็นเสียงของคนที่เธออยากจะเห็นหน้ามาตลอด

“ยู....โกะ”

ค่อยๆถามออกไป กลัว....คิดเข้าข้างตัวเองว่าตัวเธอคงจะจำเสียงเค้าผิด

“ฉันดีใจนะที่เธอจำเสียงฉันได้”

ยูโกะพูดหร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนที่ฉันเคยจินตนาการ

“ผ่าตัดมาเป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างปกติดีไหม”

“อื้ม...อีก2-3วัน ก็กลับบ้านได้แล้วละ”

“ดีใจด้วยนะ ฮารุนะ ที่กลับมามองเห็นอีกครั้ง”

เค้าพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว รอยยิ้มอบอุ่น เหมือนกับที่เธอคิดไว้

“ขอบใจนะ”

นั่นเป็นคำพูดตอบของฉันสั้นๆ ก่อนที่ห้องจะกลับเข้าสู่ความเงียบ มีเพียงเสียงนกร้องที่ได้ยินอยู่ภายนอกห้อง กับเสียงลมหายใจของฉันกับยูโกะเท่านั้น

เห็นเค้าทำท่าขยุกขยิกเหมือนค้นหาอะไรในกระเป๋าตัวเอง และก็ยิ้มออกมาคงเพราะว่าหาเจอ 

“นี่ ฮารุนะ จำเรื่องที่เราคุยกันได้หรือเปล่า”

“ร....เรื่องอะไร?”

กลั้นใจถามออกไปทั้งที่ก็พอรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร

“เรื่อง....แต่งงานนะ เธอจะว่ายังไง?”

เสียงเค้าฟังดูประหม่าขึ้น คงเพราะไม่ได้เตรียมใจที่จะได้ยินคำถามกลับจากฉัน แต่ใช่จริงๆด้วย ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจที่เค้าตาบอดหรอกนะเพราะว่าฉันเองก็เคยตาบอดเหมือนกัน ฉันแค่.......

“ฉันขอโทษนะ ยูโกะ”

ฉันแค่.....ยังไม่พร้อมจริงๆ มองเห็นหน้ายูโกะที่เหมือนจะเศร้าลงไปเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มจะกลับขึ้นมาระบายบนใบหน้าเค้าอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ เธอคงไม่ได้คิดมาก่อน ว่าฉันเองก็ตามองไม่เห็นเหมือนกันใช่ไหมละ”

“ฉัน....”

โดนพูดแทงใจดำ ทำให้พูดตอบอะไรออกไปไม่ถูกเพราะที่เค้าพูดนั้นก็เป็นเรื่องจริง ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเค้าจะมองไม่เห็น

“ทำไม....ถึงไม่เคยบอก ว่าเธอก็มองไม่เห็นเหมือนกัน”

กลั้นใจถามออกไปบ้างเพราะเรื่องสำคัญขนาดนี้นะจะบอกกันบ้าง

“เพราะ มันไม่สำคัญนะสิ”

ไม่สำคัญ?

“หรือว่าเธอรังเกียจที่ฉันมองไม่เห็น?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น เพราะฉันเองก็เคยเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ฉันแค่......”

“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”

“ยูโกะ”

“เธอคงจะไม่อยากแต่งงานกับคนตาบอดสินะ”

“ม...ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ยัง....ไม่พร้อมนะ”  อยากจะพูดแบบนั้นออกไปแต่กลับไม่มีเสียงอะไรออกจากปาก

“ฉันเข้าใจแล้วละ...และก็ ขอโทษนะที่มารบกวน”

ยูโกะพูดยิ้มๆอีกครั้งก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมาเดินเข้ามาใกล้ๆฉัน เอามือยืนออกมาสะเปะสะปะก่อนจะสัมผัสกับใบหน้าฉัน มือของเค้าค่อยๆไล้สำรวจใบหน้าฉัน ก่อนจะประคองแก้มฉันไว้

“นี่ ฮารุนะ ดูแลรักษาให้ดีนะดวงตาคู่นี้ คนที่เค้าบริจาคคงจะดีใจที่ฮารุนะจะใช้ดวงตาที่เค้ามอบให้ คอยมองแต่สิ่งที่ดีๆ สิ่งที่สวยงาม”

ยูโกะ

“ฮารุนะเป็นคนสวย แถมยังจิตใจดี ฉันเชื่อว่าฮารุนะน่ะ ต่อไปต้องเป็นคนที่มีความสุขมากแน่ๆ”

พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงกัน...ยูโกะ

“ต่อจากนี้ฉันคงจะไม่ได้มาหาเธอบ่อยๆ เพราะฉันเองก็กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวเหมือนกัน การมองไม่เห็นนี่ลำบากกว่าที่คิดไว้อีกนะ.... แต่ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอก”

“ห...หมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าเธ........”

ยังไม่ทันจะได้คำตอบก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง ก่อนจะเห็นพยาบาลเดินเข้ามา ยุโกะจึงผละออกจากฉัน

“ลาก่อน.....ฮารุนะ”

เสียงพูดแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบผ่านสายลม เหมือนกับว่าไม่อยากให้ใครได้ยินนอกจากตัวเธอเอง ยูโกะส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับฉันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่หยิบไม้เท้าที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ และค่อยๆเดินออกจากห้องไป

ไม่ใช่ว่าไม่อยากรั้ง ไม่ใช่ว่าไม่จะให้อยู่ แต่เพียงแค่ ตอนนี้ ฉันเองก็ต้องการเหมือนกัน....เวลา.....


......ยูโกะ........
 ........ฉัน...ขอโทษ.....




.................................The End?..............................





ได้อ่านเรื่องประมาณนี้ในเฟส 
เมื่อไม่นานมานี้
รู้สึกความรักนี่มันไม่เท่ากันจริงๆเลยนะ
จะเขียนlockedก็เขียน
จะแต่งพี่ปี4ต่อก็คิดไม่ออก
.............
.................




1 ความคิดเห็น: